FM99.75Mhzอำเภอไชยา ฟังวิทยุออนไลน์ เวฟแคมออนไลน์ 24ชั่วโมง
FM99.75Mhz วิทยุเพื่อประชาสัมพันธ์และการเรียนรู้(ในข่ายวิทยุพระพุทธศาสานา)สุราษฎร์ธานี ปฏิบัติงานร่วมกู้ภัยไชยา มูลนิธิกุศลศรัทธา (077-229069 หรือ1669) โทรศัพท์ 077-454077-077-454261-077-454253-086-2818016 แฟ๊กซ์ 077-454075
วันพฤหัสบดีที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
วันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2554
ระเบียบกองทุนหมู่บ้าน บ้านกลาง ตำบลโมถ่าย
ข้อบังคับหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง
ว่าด้วยการจัดตั้งและการบริหารกองทุนหมู่บ้านในรูปแบบนิติบุคคล
กองทุนหมู่บ้าน บ้านกลาง หมู่ที่2 ตำบลโมถ่าย
ทะเบียนเลขที่..........................
.................................
เพื่อให้การดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลในการจัดตั้งกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ให้เป็นแหล่งเงินทุนในการพัฒนาอาชีพ สร้างงาน สร้างรายได้ ลดราบจ่ายได้โดยการแก้ปัญหาความยากจนให้กับประชาชนในหมู่บ้านและเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจระดับรากฐานของประเทศ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสัมฤทธิ์ผล คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง จึงได้กำหนดข้อบังคับการดำเนินงานของกองทุนหมู่บ้านไว้ดังนี้
หมวดที่๑
ข้อความทั่วไป
ข้อ๑. ข้อบังคับนี้เรียกว่า “ข้อบังคับกองทุนหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง (นิติบุคคล)”
ข้อ๒. สำนักงานกองทุนตั้งอยู่ที่ บ้านเลขที่ ๑๔๗ หมู่ ๒ ตำบลโมถ่าย อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี
ข้อ๓. ข้อบังคับนี้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่กองทุนได้เป็นนิติบุคคล
ข้อ๔. ข้อบังคับนี้
“กองทุน”หมายความว่ากองทุนหมู่บ้าน บ้านกลางหมู่๒ ตำบลโมถ่าย อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี
“คณะ กรรมการกองทุน”หมายความว่าคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง
“หุ้น” หมายความว่าการออมทรัพย์ในรูปแบบหนึ่ง โดยมูลค่าหุ้นให้เป็นไปตามที่กองทุนกำหนด และสมาชิกจะได้รับคืนเมือพ้นสภาพการเป็นสมาชิก
“เงินฝากสัจจะ” หมายความว่าเงินที่สมาชิกตกลงที่จะฝากหรือออมไว้กับกองทุน ตามแต่จะแสดงเจตนาไว้ต่อที่ประชุมสมาชิก โดยให้ถือว่าเงินออมเป็นเงินสะสม และจะถอนหรือปิดบัญชีได้ต่อเมือ พ้นสภาพการเป็นสมาชิกตามระเบียบ หรือข้อบังคับที่กองทุนกำหนด
“สมาชิก” หมายความว่า สมาชิกกองทุนเศรษฐกิจพอเพียง
“ที่ประชุมสมาชิก” หมายความว่า ที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปี หรือที่ประชุมใหญ่วิสามัญ
ข้อ๕. ให้ประธานกรรมการกองทุนหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงรักษาตามข้อบังคับนี้
๒
หมวดที่๒
หลักการ ปรัชญาและวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งกองทุน
ข้อ๖. ปรัชญาหรือหลักการสำคัญของกองทุนหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง คือ
(๑)เสริมสร้างสำนึกความเป็นชุมชนและท้องถิ่น
(๒)ชุมชนเป็นผู้กำหนดอนาคต และจัดการกับหมู่บ้านและชุมชนด้วยคุณค่าและภูมิปัญญาตนเอง
(๓)เกื้อกูลประโยชน์ต่อผู้ด้วยโอกาสและชุมชน
(๔)เชื่อมโยงกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันระหว่างชุมชน ราชการ เอกชน และประชาสังคม
(๕)เพื่อพัฒนาประชาธิปไตยขั้นพื้นฐาน
ข้อ๗. วัตถุประสงค์ของกองทุน ให้เป็นไปตามกฎหมายเกี่ยวกับกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ และสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ดังต่อไปนี้
(๑)เป็นแหล่งเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการลงทุนเพื่อการพัฒนาอาชีพ สร้างงาน สร้างรายได้ เพิ่มรายได้และลดรายจ่าย หรือสำหรับการส่งเสริมและพัฒนาไปสู่การสร้าง สวัสดิภาพ สวัสดิการ หรือประโยชน์ส่วนรวมอื่นใด ให้แก่ประชาชนในหมู่บ้าน หรือชุมชนเมือง
(๒)เป็นแหล่งเงินทุนหมุนเวียนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเร่งด่วนสำหรับประชาชนในหมู่บ้าน หรือชุมชนเมือง
(๓)รับฝากเงินจากสมาชิก และจัดหาแหล่งเงินทุนอื่น เพื่อดำเนินการตามวัตถุประสงค์
(๔)ให้กู้ยืมเงินแก่กองทุนหมู่บ้านอื่น เพื่อประโยชน์ในการสร้างความเข้มแข็ง ให้เศรษฐกิจของหมู่บ้านหรือชุมชนเมือง
(๕)กระการใดๆเพื่อพัฒนาองค์ความรู้ คุณภาพชีวิต สวัสดิภาพ และสวัสดิการของสมาชิกหรือประชาชนในหมู่บ้าน รวมทั้งเสริมความเข้มแข้งทางเศรษฐกิจและสังคมของกองทุนหมู่บ้านตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด
หมวดที่๓
สมาชิกกองทุน
ข้อ๘. ในระยะแรกสมาชิกกองทุนให้มีได้เฉพาะสมาชิกประเภทบุคคลธรรมดาเท่านั้น
ข้อ๙. คุณสมบัติของสมาชิก
(๑) ต้องบรรลุนิติภาวะ ตามกฎหมาย หรือไม่บรรลุนิติภาวะผู้ปกครองต้องรับรองในทุกกรณี
(๒) เป็นผู้ที่พักอาศัยอยู่จริง และมีชื่อในทะเบียนบ้าน ในหมู่บ้านไม่น้อยกว่าหกเดือน
(๓) มีความรู้ความเข้าใจ เห็นชอบด้วยในหลักการของกองทุน และสนใจที่เข้ามามีส่วนร่วม
(๔) เป็นผู้มีความประพฤติดี ประกอบอาชีพการงานเป็นหลักแหล่ง
(๕)เป็นผู้เลื่อมใสในการปกครองระบบประชาธิปไตย
(๖) ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย หรือเสมือนไร้ความสามารถ
๓
(๗) เป็นผู้ที่พร้อมที่จะปฏิบัติตามระเบียบของกองทุน
(๘) เป็นผู้ที่คณะกรรมการมีมติเห็นชอบให้เข้าเป็นสมาชิก
(๙) เป็นผู้ที่มีความอดทน เสียสละ และเห็นแก่ประโยชน์ของกองทุนเป็นสำคัญ
(๑๐) จะต้องถือหุ้นในกองทุนอย่างน้อยหนึ่งหุ้น และต้องไม่เกินหนึ่งในห้าของจำนวนหุ้นทั้งหมดที่กองทุนมีอยู่
(๑๑) ต้องไม่เป็นนักบวชตามศาสนาหรือลัทธิใด
ข้อ๑๐. การเข้าเป็นสมาชิก
(๑)ยื่นใบขอเป็นสมาชิกกองทุนที่สำนักงานกองทุน
(๒)เป็นผู้มีคุณสมบัติตามข้อ9 ต้องยื่นใบสมัครด้วยตนเอง
(๓)กรรมการกองทุนจะเป็นผู้พิจารณาคุณสมบัติของสมาชิก และแจ้งให้สมาชิกทราบ และแจ้งให้บุคคลนั้นมาชำระค่าธรรมเนียม ค่าหุ้น หรือเงินฝากสัจจะ ภายในสามวันนับจากวันที่ได้รับแจ้งให้เข้าเป็นสมาชิก
(๔)คณะกรรมการจะเป็นผู้พิจารณาว่าจะรับหรือไม่รับบุคคลใดเข้าเป็นสมาชิกโดยชอบธรรม
(๕)ในการออกเสียงลงมติเห็นชอบ/ไม่เห็นชอบในที่ประชุมใหญ่ สมาชิกแต่ละคนมีสิทธิออกเสียงคนละหนึ่งเสียง
ข้อ๑๑. การพ้นสภาพการเป็นสมาชิก จะมีได้ด้วยเหตุต่อไปนี้
(๑)ตาย
(๒)ลาออก และได้รับอนุมัติให้ลาออกจากคณะกรรมการกองทุน
(๓)วิกลจริต จิตฟั่นเฟือน หรือเป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ
(๔)ที่ประชุมใหญ่สมาชิก มีมติให้ออก ด้วยคะแนนเสียงสองในสามของผู้เข้าร่วมประชุม
(๕)จงใจฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับของกองทุนหรือมติของคณะกรรมการ แสดงตนเป็นปรปักษ์ หรือไม่ให้ความช่วยเหลือร่วมมือกับกองทุนไม่ว่าด้วยประการใด
(๖)จงใจปกปิดความจริงอันควรแจ้งให้ทราบในใบสมัครการเป็นสมาชิก
(๗)นำเงินที่กู้จากกองทุน ไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ตามที่ระบุไว้ในสัญญากู้
ข้อ๑๒.การลาออกตามข้อ๑๑(๒)สมาชิกต้องไม่มีหนี้สินหรือภาระผูกพันใดๆกับกองทุนในฐานะผู้กู้ ผู้ค้ำประกัน ลาออกจากการเป็นสมาชิกได้ โดยแจ้งความจำนงเป็นหนังสือต่อคณะกรรมการกองทุนเพื่อพิจารณาให้ขาดจากการเป็นสมาชิกในวันที่คณะกรรมการอนุมัติ
การติดต่อกับกองทุนสมาชิกสามารถติดต่อด้วยตนเอง หรือทางไปรษณีย์ ตามภูมิลำเนาของกองทุนตามข้อ๒
ข้อ๑๓. ผู้ที่ขาดจาการเป็นสมาชิกภาพตามข้อ๑๑(๒)อาจยื่นแบบขอเป็นสมาชิกใหม่แต่ทั้งนี้จะต้องเป็นผู้ขาดจากการเป็นสมาชิกติดต่อกันเป็นเวลาไม่น้อยกว่า ๒ ปี
๔
ข้อ๑๔. การคิดค่าธรรมเนียมแรกเข้ากับสมาชิก รายละ ๒๐ บาท โดยสมาชิกจะต้องชำระเมือได้รับการพิจารณาตามข้อ๑๐(๓) และจะต้องชำระให้เสร็จสิ้นภายในเวลา สามวันนับจากวันที่ได้รับแจ้งจากคณะกรรมการกองทุน
ข้อ๑๕. มูลค่าหุ้นๆหนึ่งมีมูลค่าหุ้นละ ๕๐ บาท สมาชิกแรกเข้าตามข้อ๑๐(๓)จะต้องซื้อหุ้นอย่างน้อยหนึ่งหุ้น แต่ต้องไม่เกินหนึ่งในห้าของจำนวนหุ้นทั้งหมดที่มีอยู่ในกองทุน โดยชำระหุ้นและเพิ่มหุ้นได้ ปีละหนึ่งครั้ง ตามมติของคณะกรรมการกองทุน
ข้อ๑๖. การระดมเงินทุนเงินฝาก เงินฝากสัจจะ สมาชิกทุกคนจะต้องส่งเงินฝากสัจจะทุกเดือนๆละเท่าๆกัน ในวงเงินไม่ต่ำกว่า ๕๐ บาทและสูงสุดไม่เกินเดือนละห้าร้อยบาทต่อเดือนในวันที่คณะกรรมการกองทุนกำหนดสามารถเพิ่มเงินฝากสัจจะได้ปีละหนึ่งครั้งในวันที่คณะกรรมการกำหนด เงินฝากสัจจะจะถอนและปิดบัญชีได้ต่อเมื่อพ้นสภาพการเป็นสมาชิก ส่วนเงินฝากอื่นๆให้เป็นไปความสมัครใจของสมาชิก และมติของคณะกรรมการ
ข้อ๑๗. การประชุมใหญ่สมาชิกในแต่ละปี ครั้งแรกให้เรียกว่าการประชุมใหญ่สามัญ ส่วนการประชุมใหญ่ในครั้งต่อๆไปให้เรียกว่าการประชุมใหญ่วิสามัญ
ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี จะต้องมีวาระต่อไปนี้รวมอยู่ในที่ประชุม
(๑)งบดุลแต่ละบัญชี
(๒)จำนวนสมาชิก รายชื่อสมาชิกที่ลาออก และเข้าใหม่
(๓)จำนวนสมาชิกที่ค้างชำระหนี้
(๔)รายชื่อกรรมการที่ลาออก(ถ้ามี)
ข้อ๑๘. ในการประชุมใหญ่สมาชิกประจำปีอย่างน้อยปีละ ๑ ครั้ง เพื่อจ้าผลการดำเนินงานของกองทุน รับรองงบดุลหรือเปลี่ยนแปลงข้อบังคับ เพื่อความเหมาะสมและให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารงานของกองทุนให้เข้มแข็ง
ข้อ๑๙. ในการประชุมใหญ่สมาชิกจะต้องมีสมาชิกเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนทั้งหมดจึงจะครบองค์ประชุม สมาชิกอาจมอบอำนาจเป็นหนังสือให้ผู้อื่นเข้าประชุมแทนก็ได้ แต่ผู้รับมอบอำนาจนั้นจะรับมอบอำนาจจากสมาชิกเกินกว่าหนึ่งรายมิได้
ในการประชุมครั้งใด ถ้ามีสมาชิกเข้าร่วมประชุมไม่ครบองค์ประชุม ให้นัดประชุมใหม่อีกครั้งภายใน๑๕วันนับแต่วันนัดประชุมครั้งแรก
ในการประชุมครั้งหลัง ถ้าไม่ใช่ประชุมใหญ่สามัญประจำปี เมื่อมีสมาชิกมาร่วมประชุมไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจำนวนสมาชิกทั้งหมด ให้ถือเป็นองค์ประชุม
สมาชิกหนึ่งคนให้มีสิทธิออกเสียงได้หนึ่งเสียงในลงคะแนน ถ้าวาระใดมีคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงอีกเสียงหนึ่ง ถือว่าเป็นเสียงชี้ขาด
การชี้ขาดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมากเป็นเกณฑ์ตัดสิน
ในออกเสียงของสมาชิกจะออกโดยวิธีลับหรือเปิดเผย และแต่ในที่จะชุมจะมีมติตกลงกันก่อนลงมติ
๕
ข้อ๒๐. ถ้าสมาชิกกองทุนจำนวนหนึ่งในห้าของสมาชิกทั้งหมดร่วมกันทำหนังสือโดยลงลายมือชื่อเพื่อให้คณะกรรมการกองทุนเรียกประชุมสมาชิกเพื่อเพื่อแก้ไขปัญหา ข้อเรียกอุปสรรคต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับสมาชิก และอาจนำไปสู่ความขัดแย้งกับคณะกรรมการกองทุน หรือการดำเนินงานของคณะกรรมการกองทุน
ในกรณีเช่นนี้ คณะกรรมการกองทุนจะต้องเรียกประชุมโดยเร็วอย่างช้าไม่เกิน ๑๐ วันจากวันที่กองทุนได้รับหนังสือร้องขอดังกล่าว
ในการประชุมนี้ ถือว่าเป็นการประชุมใหญ่สมาชิก
ข้อ๒๑. ความรับผิดชอบทางแพ่งของสมาชิก
ค่าหุ้นและเงินฝากสัจจะนั้นสมาชิกจะได้คืนไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนต่อเมื่อสมาชิกพ้นสภาพเท่านั้น
ส่วนเงินฝากของสมาชิก สมาชิกจะใช้สิทธิเรียกร้องเมื่อใดก็ได้ตามระเบียบกองทุน
ในกรณีพ้นสภาพสมาชิก ถ้าสมาชิกผู้นั้นมีภาระหนี้กับกองทุน ไม่ว่าจะเป็นหนี้จากเงินกู้ สัญญาค้ำประกัน หรือหนี้อื่นๆ ที่ชัดเจนแล้ว แม้นจะเป็นนี้ที่ยังไม่ถึงกำหนดชำระ กองทุนมีสิทธิหักลบกลบหนี้ระหว่างจำนวนหนี้ดังกล่าวเต็มจำนวนกับค่าหุ้น เงินฝากสัจจะ หรือเงินฝากของสมาชิก(ถ้ามี)
หมวดที่๔
คณะกรรมการกองทุน
ข้อ๒๒. คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง มีจำนวนไม่น้อยกว่า ๙ คน ด้วยจำนวนกรรมการชายและหญิงให้มีสัดส่วนใกล้เคียงกันเท่าทีจะเป็นไปได้ ซึ่งมาจากการคัดเลือกกันเองโดยสมาชิก
ข้อ๒๓. กรรมการกองทุนต้องมีคุณสมบัติ และไม่มีคุณสมบัติต้องห้ามดังนี้
(๑)เป็นผู้มีชื่อในทะเบียนบ้าน และอาศัยอยู่ในหมู่บ้านติดต่อกันเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่าสองปี ก่อนวันที่ได้รับเลือกเป็นกรรมการกองทุน
(๒)เป็นผู้บรรลุนิติภาวะ
(๓)ปฏิบัติตนอยู่ในศาสนา มีความรับผิดชอบ เสียสละ ไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด และไม่มีประวัติเสียทางด้านการเงิน
(๔)ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนคนไร้ความสามารถ
(๕)ไม่เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก หรือต้องพ้นโทษไม่น้อยกว่าห้าปี เว้นแต่เป็นโทษที่กระผิดที่กระทำโดยประมาท
(๖)ไม่เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดว่ามีความผิดแต่รอการกำหนดโทษ หรือรอการลงโทษในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ หรือความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ ยกเว้นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ และความผิดฐานบุกรุก
(๗)ไม่เคยถูกให้ออก ปลดออก หรือไล่ออกจากราชการ องค์กรอิสระ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ เพราะทุจริตหน้าที่ หรือสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ราชการ องค์กร หรือหน่วยงานที่สังกัด
(๘)ไม่เป็นผู้ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งที่เสียสิทธิตามรัฐธรรมนูญ
(๙)ไม่เป็นผู้ที่เคนพ้นจากตำแหน่งกรรมการกองทุน ตามข้อ ๒๖(๓)(๔)
๖
(๑๐)ไม่เป็นผู้ขาดคุณสมบัติการที่ทางราชการกำหนด
ข้อ๒๔. กรรมการกองทุนประกอบด้วยตำแหน่งต่างๆรวม9ตำแหน่งดังนี้
(๑)ประธานกรรมการ
(๒)รองประธานกรรมการ
(๓)เลขานุการ
(๔)เหรัญญิก
(๕)ผู้ตรวจสอบภายใน
(๖)ฝ่ายทะเบียน
(๗)ฝ่ายปฏิคม
(๘)ฝ่ายประชาสัมพันธ์
(๙)ฝ่ายตรวจสอบเอกสารการกู้เงิน
กองทุนอาจมีที่ปรึกษาได้ไม่เกิน ๕ คน มีหน้าที่ให้ความเห็นต่อที่ประชุมกรรมการ แต่ไม่มีสิทธิลงมติ
ข้อ๒๕. กรรมการกองทุนมีวาระดำรงตำแหน่งคราวละ ๒ ปี
ในกรณีที่กรรมการพ้นตำแหน่งตามวาระ คณะกรรมการกองทุนประด้วยคณะกรรมการกองงทุนทั้งหมดเท่าที่มีอยู่และจะจัดให้มีการคัดเลือกสมาชิกเข้าดำรงตำแหน่งแทนกรรมการกองทุน ซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระโดยมติที่ประชุมใหญ่สมาชิก
กรรมการคนใดที่พ้นวาระ อาจได้รับเลือกอีกได้ แต่จะดำรงตำแหน่งสองวาระติดต่อกันไม่ได้ กรรมการคนใดจะดำรงตำแหน่งเกินกว่าสองสมัยติดต่อกันจะต้องได้รับมติจากที่ประชุมใหญ่สมาชิกไม่น้อยกว่าสามในสี่ของที่ประชุม
ข้อ๒๖ การพ้นจากตำแหน่งของกรรมการกองทุนเมือ
(๑) ตาย
(๒) ลาออกต่อที่ประชุมใหญ่สมาชิก
(๓) ที่ประชุมคณะกรรมการกองทุนมีมติให้ออกด้วยคะแนนเสียงเกินกว่าสองในสามของจำนวนคณะกรรมการกองทุนทั้งหมดเท่าที่มีอยู่
(๔) ที่ประชุมสมาชิกมีมติให้ออกด้วยคะแนนเสียงเกินกว่าสองในสามของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่
(๕) มีลักษณะต้องห้ามตามข้อ๑๑(๔)(๕)(๖)และ(๗)
(๖) ทางราชให้ออกเนื่องจากมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าขาดคุณสมบัติ และมีลักษณะต้องห้ามตามข้อ๑๔
(๗) ในกรณีที่คณะกรรมการกองทุนพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระคณะกรรมการกองทุนอาจแต่งตั้งบุคคลจากสมาชิกเข้าดำรงตำแหน่งแทนกรรมการกองทุนก็ได้ และให้ผู้ที่การแต่งตั้งอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลือของผู้ที่ตนแทน
๗
ข้อ๒๗. องค์ประชุมของการประชุมคณะกรรมการกองทุน ต้องมีกรรมการเข้าร่วมประชุม เกินกว่ากึ่งหนึ่งของกรรมการทั้งหมดที่มีอยู่ในขณะนั้นจึงจะเป็นองค์ประชุม
ถ้าประธานกองทุนไม่สามารถมาประชุม หรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้รองประธานกรรมการทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุม
ถ้ารองประธานไม่สามารถมาประชุมได้ให้เลือกกกรมการคนใดคนหนึ่งประธานในการประชุม
การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการคนหนึ่งให้มีเสียงเพียงหนึ่งเสียงในการลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประออกเสียงเพิ่มเป็นหนึ่งเสียง ซึ่งเป็นเสียงชี้ขาด
กรรมการคนใดมีส่วนได้ส่วนเสียเป็นการส่วนตัวเรื่องใดห้ามมิให้เข้าประชุมในวาระนั้น
ข้อ๒๘. คณะกรรมการกองทุนมีอำนาจดังนี้
(๑) บริหารกองทุนหมู่บ้าน รวมทั้งตรวจสอบ กำกับ ดูแล และจัดสรรดอกผล รายได้หรือผลประโยชน์ที่เกิดจากเงินหรือทรัพย์สินของกองทุนหมู่บ้าน
(๒) ออกประกาศ ระเบียบ หรือข้อบังคับ ที่เกี่ยวกับบริหารกองทุน
(๓) จัดตั้งสำนักงานกองทุนหมู่บ้าน
(๔) รับสมาชิกและจัดทำทะเบียนสมาชิก
(๕) จัดหาทุนจากแหล่งเงินทุนตามประกาศที่คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติกำหนด
(๖) พิจารณาเงินกู้ยืมให้แก่สมาชิกหรือกองทุนหมู่บ้านอื่นตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนใขที่คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติกำหนด
(๗) ทำนิติกรรม สัญญา หรือดำเนินการเกี่ยวกับภาระผูกพันของกองทุน
(๘) จัดทำบัญชีของกองทุนหมู่บ้านตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติกำหนด
(๙) สำรวจและจัดทำข้อมูลเกี่ยวกับการประกอบอาชีพ อุตสาหกรรมครัวเรือน และวิสาหกิจชุม ในเขตพื้นที่หมู่บ้านตลอดจนข้อมูลและการดำเนินการเกี่ยวกับกองทุนอื่นๆที่มีอยู่แล้วในหมู่บ้าน
(๑๐) พิจารณาดำเนินการใดๆ เพื่อสวัสดิภาพ สวัสดิการ หรือผลประโยชน์ส่วนรวมอื่นใดของสมาชิก
(๑๑) ดำเนินการอื่นใดเพื่อให้สอดรับและเกื้อกูลกับกองทุนอื่นๆ
(๑๒) ติดตามประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนหมู่บ้าน
(๑๓) รายงานผลการดำเนินการ ปัญหา และอุปสรรครวมทั้งฐานะการเงินของกองทุนหมู่บ้าน ให้คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติทราบ อย่างน้องปีละหนึ่งครั้ง ตลอดจนรายเรื่องดังกล่าวให้สมาชิกทราบตามที่คณะกรรมการหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติกำหนด
(๑๔) ปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามประกาศ ระเบียบ ข้อบังคับ หรือคำสั่งของคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติกำหนดหรือมอบหมาย
๘
การดำเนินการใดๆตาม(๑๐) ให้ใช้จ่ายเงินรายได้ของกองทุนหมู่บ้าน ซึ่งมิใช่เงินที่รับการจัดสรรจากกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ
ข้อ๒๙.ประธานกรรมการกองทุนมีอำนาจหน้าที่ดังนี้
(๑) เป็นประธานในที่ประชุมคณะกรรมการกองทุนและการประชุมใหญ่สมาชิก
(๒) เรียกประชุมคณะกรรมการกองทุน
(๓) แต่งตั้งอนุกรรมการกองทุนเพื่อพิจารณาหรือปฏิบัติงานอย่างหนึ่งอย่างใดตามคณะกรรมการกองทุนมอบหมาย
(๔)ปฏิบัติหน้าที่อื่นๆตามข้อบังคับ และมติของกรรมการกองทุน
ข้อ๓๐. รองประธานกรรมการกองทุน ทำหน้าที่แทนประธานกรรมการกองทุน เมื่อประธานกรรมการกองทุนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ หรือเมื่อประธานกรรมการกองทุนมอบหมายให้ทำการแทน
ข้อ๓๑. ถ้าประธานกรรมการกองทุนละรองประธานกรรมการกองทุนไม่สามารถปฏิบัติหน้าในการประชุมคราวหนึ่งคราวใดได้ ให้ที่ประชุมเลือกกรรมการกองทุนคนใดคนหนึ่งเป็นประธานสำหรับการประชุมในคราวนั้น
ข้อ๓๒. เหรัญญิก มีหน้าที่จัดเก็บดูแลรักษาเงินกองทุน และรายได้ของกองทุน รวมทั้งจัดทำบัญชี พร้อมทั้งควบคุมการจ่ายเงินของกองทุนให้เป็นไปอย่างรอบคอบ และเกิดประโยชน์สูงสุด
ข้อ๓๓. เลขานุการ มีหน้าที่ติดต่อประสานงานทั่วไป นัดประชุมคณะกรรมการกองทุนจดและบันทึกรายงานการประชุม ตลอดจนรายงานการดำเนินงานของกองทุน
ข้อ๓๔. ผู้ตรวจสอบภายใน มีหน้าที่ตรวจสอบบัญชี กำกับดูแลเงินกองทุน ให้เป็นไปตามมติของคณะกรรมการกองทุนกำหนด รวมทั้งประเมินผลการทำงานของกองทุน
ข้อ๓๕. ประชาสัมพันธ์ มีหน้าที่ผลิตเอกสารสิ่งพิมพ์ ให้ข่าวสารแก่สมาชิก และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง
ข้อ๓๖. กรรมการกองทุนอื่นๆ มีหน้าที่ตามคณะกรรมการกองทุนกำหนดมอบหมาย
ข้อ๓๗. คณะกรรมการกองทุนจะต้องมีการประชุมอย่างน้อยเดือนละหนึ่งครั้ง ถ้ามีความจำเป็นประธานอาจเรียกประชุมได้มากกว่าหนึ่งครั้ง
ข้อ๓๘. เมื่อกรรมการครบวาระหรือพ้นจากตำแหน่ง ให้มีการส่งมอบงานในหน้าที่ต่อประธานคณะกรรมการ หรือกรรมการที่ทำหน้าที่นั้นๆ
๙
หมวดที่๕
ทรัพย์สินของกองทุน
ข้อ๓๙. ทรัพย์สินของทุน คือทรัพย์สินตามที่พระราชบัญญัติกองทุนหมู่บ้านและชุมชนแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๗ ได้บัญญัติให้มีได้ทั้งหมด ๖ รายการคือ
(๑) เงินที่คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ จัดสรรให้
(๒) เงินอุดหนุนจากรัฐบาล
(๓) เงินที่สมาชิกนำมาลงหุ้น หรือฝากไว้กับกองทุนหมู่บ้านตามระเบียบที่กรรมการกำหนด
(๔) เงินหรือทรัพย์สินอื่นที่กองทุนหมู่บ้านได้รับบริจาค โดยปราศจากเงื่อนไขหรือข้อผูกพันใดๆ
(๕) ดอกผล รายได้ หรือผลประโยชน์ที่เกิดจากเงินหรือทรัพย์สินของกองทุนหมู่บ้าน
(๖) เงินที่กู้มาจากแหล่งเงินทุนเพื่อเพิ่มทุน และดำเนินการไปตามวัตถุประสงค์ ตามพระราชบัญญัติกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๗ มาตรา๕ วรรค๒ (๓) และมาตรา๙ (๕)
หมวดที่6
การเงินกู้ยืมกองทุน
ข้อ๔๐. สมาชิกกองทุนสามารถยื่นคำขอกู้เงินต่อคณะกรรมการกองทุนเพื่อนำไปใช้จ่ายในกิจกรรมดังต่อไปนี้
(๑) เป็นแหล่งเงินทุนหมุนเวียน สำหรับการลงทุนเพื่อการพัฒนาอาชีพ สร้างงาน สร้างรายได้ เพิ่มรายได้และลดรายจ่าย
(๒) เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนฉุกเฉินจำเป็นเร่งด่วนสำหรับสมาชิก
ข้อ๔๑. การอนุมัติเงินกู้ สมาชิกที่ประสงค์จะกู้เงินจะต้องจัดทำคำขอกู้เงินจากกรรมการ และต้องระบุวัตถุประสงค์ และรายละเอียดต่างให้ชัดเจน
กองทุนจะให้กองทุนหมู่บ้านอื่นๆ(นิติบุคคล) กู้ยืมเงินต้องเป็นตามระเบียบของคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ และมีมติของที่ประชุมสมาชิกเห็นชอบแล้ว
ข้อ๔๒. การขอกู้เงินของสมาชิกตามข้อ๔๐ จะต้องมีรายละเอียดชัดเจนครบถ้วนสมาชิกผู้ขอกู้จะต้องรับผิดชอบในกรณีข้อความระบุในใบคำขอเป็นเท็จ
ข้อ๔๓ กำหนดวงเงินกู้ และหลักประกัน
๑) ถ้าเป็นการกู้เพื่อเหตุฉุกเฉิน จำเป็นเร่งด่วนตามข้อ๔๐(๒) ให้อนุมัติได้ไม่เกินรายละ ๒๐,๐๐๐บาท(สองหมื่นบาท)โดยมีผู้ค้ำประกันหนึ่งคน
๑๐
๒) ถ้าเป็นการกู้เพื่อเหตุต่างๆตามข้อ๔๐(๑) ให้อนุมัติเงินกู้ได้ไม่เกินคนละ ๕๐,๐๐๐บาท(ห้าหมื่นบาท) ตามหลักเกณฑ์ต่อไปนี้
๒.๑)ถ้าอนุมัติเงินกู้รายละไม่เกิน ๒๐.๐๐๐บาทจะต้องผู้ค้ำประกัน ๒ คนและต้องไม่เกิน ๓ เท่าของเงินฝากสัจจะของสมาชิกผู้กู้
๒.๒) ถ้าอนุมัติให้กู้เกิน ๒๐,๐๐๐ บาทแต่ไม่เกิน ๕๐,๐๐๐ บาท(ห้าหมื่นบาท)จะต้องให้สมาชิกอื่นค้ำประกันไม่น้อยกว่า ๒ คน จะต้องไม่เกิน ๓ เท่าเงินฝากสัจจะของสมาชิกผู้กู้และให้ที่ประชุมสมาชิกมีมติเห็นชอบด้วย
๒.๓) ถ้าอนุมัติเกิน ๕๐,๐๐๐ บาทแต่ไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท จะ ต้องไม่เกิน ๓ เท่าของเงินฝากสัจจะของสมาชิกผู้กู้ ที่ประชุมสมาชิกเห็นชอบ จะต้องจดทะเบียนจำนองอสังหาริมทรัพย์ ตามราคาประเมินของทางราชการเป็นหลักประกัน
การทำนิติกรรม สัญญากู้ สัญญาค้ำประกัน สัญญาจำนองให้เป็นโดยชอบด้วยกฎหมาย และระเบียบราชการที่เกี่ยวข้อง ถ้าจะภาระภาษีหรือค่าธรรมเนียมต่างๆ ให้เป็นภาระหน้าที่ของสมาชิกผู้กู้
สมาชิกจะค้ำประกันสัญญากู้เกินกว่า ๒ รายไม่ได้
ข้อ๔๔. การทำสัญญาเงินกู้ ทุกประเภทต้องทำสัญญากับกองทุนตามแบบที่กองทุนกำหนด รวมทั้งเงื่อนไขต่างๆ ที่ไม่ขัดกับระเบียบข้อบังคับ และบทบัญญัติของกฎหมาย
ข้อ๔๕. ภายใต้บังคับข้อ๒๘ ในการทำหน้าที่ผู้แทนนิติบุคคลของคณะกรรมกรากองทุน ให้กรรมการแต่ละคนมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
(๑) การทำนิติกรรมใดๆที่ผูกพันกองทุนเป็นหน้าที่ของประธาน(หรือรองประธาน)และเลขานุการคณะกรรมการ
(๒) การเบิก ถอนและฝากเงินในบัญชีธนาคาร ให้มีจำนวนสองในสามคนของคณะกรรมการต่อไปนี้
ประธาน
เหรัญญิก
เลขานุการ
(๓)กรณีอื่นๆให้เป็นไปตามมติที่ประชุมคณะกรรมการกองทุนเป็นเฉพาะกรณี
ข้อ๔๖. อัตราดอกเบี้ยและค่าปรับ
(๑)อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ๑๒ต่อปี
(๒)อัตราดอกเบี้ยเงินฝากร้อยละ๓ต่อปี
ค่าปรับในกรณีผู้กู้ผิดสัญญาเงินกู้ ให้ผู้กู้เสียค่าปรับในอัตราร้อยละ๐.๕๐ต่อวัน เว้นแต่ผู้ได้รับการผ่อนผันชำระหนี้จากคณะกรรมการกองทุน
๑๑
ข้อ๔๗. ในกรณีผู้กู้/ยืม ไม่ได้ดำเนินการตามวัตถุประสงค์ในการกู้ยืมโดยปราศจากเหตุอันควร กรรมการมีอำนาจยกเลิกสัญญา และเรียกเงินกู้พร้อมดอกเบี้ย หรือค่าตอบแทนที่ค้างชำระเต็มจำนวนได้ทันที กรรมการมีสิทธิขับไล่
สมาชิกท่านนั้นพ้นสมาชิกภาพด้วยสองในสามของจำนวนกรรมการทั้งหมด กรณีนี้สมาชิกจะสมัครใหม่จะต้องพ้นระยะเวลาสามปี
หมวดที่๗
การทำบัญชีและการตรวจสอบ
ข้อ๔๘. ให้คณะกรรมการกองทุนจัดทำบัญชีตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่กำหนด อย่างน้อยเดือนละครั้ง และแจ้วให้สมาชิกทราบ รวมทั้งจัดสรุปผลการดำเนินงานประจำปีต่อที่ประชุมสมาชิกอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง
คณะกรรมการกองทุน ต้องจัดให้มีการตรวจสอบภายใน เกี่ยวกับบริหารจัดการ การเงิน การบัญชี และการพัสดุ โดยคำนึงถึงการมีส่วนร่วมการตรวจสอบของสมาชิกเป็นหลัก คณะกรรมการกองทุนมีหน้าที่อำนวยความสะดวกในการตรวจสอบของผู้ตรวจสอบกองทุน
ข้อ๔๙. ให้คณะกรรมการกองทุนจัดทำรายการเงิน ตามแบบที่คณะกรรมการกำหนด และส่งให้ผู้ตรวจสอบบัญชีที่คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติกำหนด ภายในระยะเวลา๓๐วันนับแต่วันสิ้นปีทางบัญชีทุกปี ให้คณะกรรมการกองทุนแต่งตั้งผู้ตรวจสอบบัญชีกองทุน เพื่อทำหน้าที่ประเมินการใช้จ่ายเงินและทรัพย์สินของกองทุน และทำบันทึกรายงานตรวจสอบเป็นเอกสารเผยแพร่ต่อสมาชิกและสาธารณชน
ข้อ๕๐. การจัดสรรกำไรสุทธิ เมื่อสิ้นปีทางบัญชี หากปรากฏว่าปีใดมีกำไรสุทธิ คณะกรรมการกองสามารถนำกำไรสุทธิมาจัดสรรตามระเบียบปละหลักเกณฑ์ที่กองทุนกำหนดดังนี้
(๑) เงินปันผลค่าหุ้น ในอัตราร้อยละ........................
(๒)เงินประกันความเสี่ยง ในอัตราร้อยละ.......................
(๓)เงินเฉลี่ยคืนให้กับผู้กู้ ในอัตราร้อยละ.......................
(๔)เงินค่าตอบแทนคณะกรรมการกองทุนในอัตราร้อยละ...................
(๕)เงินทุนการศึกษาและพัฒนาอาชีพของประชากรในหมู่บ้านในอัตราร้อยละ......................
(๖)เงินทุนเพื่อสมทบกองทุน ในอัตราร้อยละ......................
(๗)เงินทุนเพื่อสาธารณะประโยชน์ของหมู่บ้านในอัตราร้อยละ.........
กองทุนจะจัดทำบัญชีเงินและค่าใช้จ่ายของกองทุนเดือนละหนึ่งครั้งและติดประกาศอย่างเปิดเผย ณ ที่ทำการกองทุนให้สมาชิกทราบ โดยมีบัญชีจะต้องดำเนินการดังนี้
(๑)บัญชีเงินฝากออมทรัพย์
(๒)รายรับ-รายจ่าย ของกองทุน
(๓)สินทรัพย์และหนี้สินของกองทุน
ข้อ๕๑.คณะกรรมการกองทุน จะต้องตรวจสอบบัญชีกองทุนและรายการตรวจสอบบัญชีต่อคณะอนุกรรมการสนับสนุนและติดตามการดำเนินงานระดับอำเภอ เพื่อทราบความก้าวหน้า ฐานะการเงินและผลการดำเนินการ
๑๒
กองทุน ทุกสามเดือนและทุกรอบปี พร้อมทั้งแสดบัญชีกำไร-ขาดทุน และงบดุลในบัญชีที่ดำเนินการมาภายในระยะเวลา๑๒๐วันนับแต่วันสินบัญชี
ข้อ๕๒.การเปลี่ยนแปลง ยกเลิก หรือเพิ่มเติมข้อบังคับ ต้องเป็นไปตามมติของที่ประชุมใหญ่สมาชิก
หมวดที่๘
การเลิกกองทุน
ข้อ๕๓.การเลิกกองทุนหมู่บ้านจะกระทำได้ด้วยเหตุใดเหตุหนึ่งดังต่อไปนี้
๑.ตามคำสั่งศาล
๒.นายทะเบียนมีคำสั่งให้เลิก
๓.ที่ประชุมใหญ่สมาชิกมีมติด้วยคะแนนเสียงสามในสี่ของจำนวนสมาชิกที่มีอยู่
บทเฉพาะกาล
ข้อ๕๔.เพื่อปัญหาหนี้สินให้กับสมาชิกคณะกรรมการอาจจัดตั้งกองทุนพิเศษขึ้นเพื่อช่วยเหลือสมาชิกโดยคณะกรรมการสามารถกำหนดระเบียบข้อบังคับและแจ้งสมาชิกทราบในภายหลังได้
ข้อ๕๕.กรรมการที่เข้ามาใหม่ให้อยู่ในวาระ๒ปีตามข้อบังคับโดยเมือครบหนึ่งปีให้คณะกรรมการด้วยกันเองจับฉลากออกออกกึ่งหนึ่ง ส่วนกรรมการที่ไม่ถูกจับฉลากออกให้อยู่จนครบวาระ ๒ ปี แล้วให้มีการเลือกตั้งแทนกรรมการที่หมดวาระ
(๑)หากมีกรรมการลาออก ให้กรรมการเท่าเหลืออยู่ทำหน้าที่ไปจนกว่าจะมีการเลือกกรรมการใหม่ได้
(๒)หากกรรมการลาออกทั้งคณะ ให้มีการจัดการเลือกตั้งคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้าน และปฏิบัติตามข้อ ๕๕ต่อไป
ประกาศ ณ วันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๔
ลงชื่อ........................................................ประธานคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้าน บ้านกลาง
( นายเจริญ ศรีสวัสดิ์ )
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)